อัลมอนด์


สรรพคุณ และ ประโยชน์ของอัลมอนด์

อัลมอนด์ เมล็ดถั่วธัญพืชที่ใครหลาย ๆ คนชอบทานกันอย่างมากเพราะเคี้ยวเพลินกินมันแต่ราคายังค่อนค้างแพงอยู่มาก แต่ถึงกระนั้นก็เถอะค่ะประโยชน์ของอัลมอนด์และสรรพคุณของอัลมอนด์นั้นมีมากมายอย่างที่คุณอาจจะคาดไม่ถึงกันเลยทีเดียวค่ะ แล้วยิ่งทานอัลมอนด์กับช็อกโกแลตด้วยแล้วอร่อยอย่าบอกใครเลยค่ะ แต่ ประโยชน์ของอัลมอนด์ ไม่ได้มีเพียงเท่านี้หรอกนะค่ะ ประโยชน์ของอัลมอนด์ มีมากกว่านี้นั้นเรามาทำความเข้าใจในเรื่องของ ประโยชน์ของอัลมอนด์ และ สรรพคุณของอัลมอนด์ กันให้มากขึ้นกันเลยดีกว่าค่ะ


สรรพคุณ / ประโยชน์ของอัลมอนด์


"อัลมอนด์" เป็นถั่วประเภท Tree Nut ซึ่งถูกจัดให้เป็น 1 ใน 10 สุดยอดอาหารเพื่อสุขภาพ เพราะมีคุณประโยชน์มากมาย ในเมล็ดอัลมอนด์อุดมไปด้วยกรดไขมันที่จำเป็นต่อร่างกายประกอบไปด้วยกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวและกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน ซึ่งช่วยเพิ่มระดับ HDL (High-Density Lipoproteins) หรือไขมันดีและช่วยลดระดับ LDL (Low-Density Lipoproteins) หรือไขมันเลว

ทั้ง HDL และ LDL จะเป็นตัวพาคอเลสเตอรอลเคลื่อนที่ไปตามกระแสเลือด หากร่างกายมี LDL หรือไขมันเลวมากคอเลสเตอรอลจะเคลื่อนที่ลำบากและจะสะสมอยู่ตามผนังหลอดเลือด โดยเฉพาะเส้นเลือดที่ส่งไปเลี้ยงหัวใจและสมองซึ่งถ้ามันไปรวมตัวกับสารอื่นอาจเกิดเป็นลิ่มไขมันทำให้หลอดเลือดตีบตันขัดขวางการไหลเวียนของกระแสเลือดได้ หากเส้นเลือดตีบตันที่หัวใจอาจทำให้เกิดโรคหัวใจและหากเส้นเลือดตีบตันที่สมองอาจทำให้เป็นอัมพาตได้ แต่ถ้าร่างกายเรามีไขมันดีหรือ HDL มากกว่า ก็จะช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจเพราะ HDL จะช่วยให้คอเลสเตอรอลเคลื่อนที่ได้ดี ทำให้คอเลสเตอรอลหลุดออกจากผนังหลอดเลือดและส่งไปยังตับเพื่อกำจัดออกจากร่างกายได้ง่ายกว่า


สรรพคุณ และ ประโยชน์ของอัลมอนด์<


ผลการวิจัยจากสถาบันชั้นนำทั้งในยุโรปและอเมริกาพบว่า ถ้ารับประทานอัลมอนด์เพียงวันละ 1 หยิบมือ ช่วยลด LDL ได้ถึง 4.4% และถ้ารับประทาน 2 หยิบมือต่อวันช่วยลด LDL ได้ถึง 9.4% รวมไปถึงผลวิจัยจาก Nation Cholesterol Education Program ก็รายงานผลออกมาในรูปแบบเดียวกัน โดยให้กลุ่มตัวอย่างรับประทานอาหารที่มีและไม่มีอัลมอนด์ประกอบอยู่พบว่าในกลุ่มที่มีการบริโภคอัลมอนด์มากขึ้น ระดับ LDL ก็จะลดลง และระดับ HDL ก็เพิ่มขึ้นด้วย

นอกจากนี้ยังมีการศึกษาให้กลุ่มตัวอย่างรับประทานอัลมอนด์เป็นอาหารเสริมเป็นเวลา 1 ปี โดย 6 เดือนแรกให้รับประทานอาหารตามปกติ และ 6 เดือนหลังให้รับประทานอัลมอนด์ในช่วงระหว่างมื้ออาหารประมาณ 52 กรัมต่อวัน เปรียบเทียบกันพบว่า กรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวและเชิงซ้อนเพิ่มขึ้น กรดไขมันอิ่มตัวลดลง คอเลสเตอรอลและน้ำตาลลดลง จึงส่งผลโดยตรงในการช่วยลดอัตราเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจและเบาหวาน ได้ถึง 30-50% 

อัลมอนด์ยังอุดมไปด้วยไยอาหาร โปรตีน วิตามินบี วิตามินอี และโอเมก้า3 ซึ่งจำเป็นสำหรับการเสริมสร้างเซลล์ที่สึกหรอของผิวหนัง เส้นผม ทั้งยังช่วยชะลอริ้วรอยก่อนวัย ไยอาหารยังช่วยลดความเสี่ยงตากมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้ด้วย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น